Categories
ข่าว

Ninja Van สตาร์ทอัพโลจิสติกส์สิงคโปร์ ที่เติบโตไปพร้อมอี-คอมเมิร์ซ

แพ็คสินค้าที่เรียงตั้งสูงขึ้นมากว่าผู้คนในศูนย์คัดแยกที่ใหญ่ที่สุดของ Ninja Van ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับท่าเรือ Jurong ของสิงคโปร์ กำลังจะถูกทยอยจัดส่งให้กับ

แพ็คสินค้าที่เรียงตั้งสูงขึ้นมากว่าผู้คนในศูนย์คัดแยกที่ใหญ่ที่สุดของ Ninja Van ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับท่าเรือ Jurong ของสิงคโปร์ กำลังจะถูกทยอยจัดส่งให้กับผู้รับ หลังผู้ให้บริการอี–คอมเมิร์ซรายใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่าง Shopee เพิ่งจัดแคมเปญช็อปปิ้งออนไลน์ 9/9 ซึ่งทุบสถิติด้วยยอดสั่งซื้อกว่า 17 ล้านออร์เดอร์ในวันเดียว และบริษัทโลจิสติกส์รายนี้ได้กลายเป็นผู้จัดส่งให้กับออร์เดอร์ส่วนใหญ่

“เราใช้เวลาหลายเดือนเพื่อเตรียมพื้นที่รองรับความจุออร์เดอร์เหล่านี้ ทั้งยังตรวจสอบให้มั่นใจว่าเราได้ปรับเปลี่ยนกระบวนการดำเนินงานให้ดีขึ้น และมีคนส่งของเพียงพอ” Lai Chang Wen ผู้ก่อตั้ง Ninja Van วัย 32 ปีกล่าว

ปัจจุบัน โลจิสติกส์น้องใหม่รายนี้ส่งพัสดุราว 1 ล้านชิ้นทั่วภูมิภาค มีพนักงานส่งของที่เป็นพนักงานประจำราว 20,000 คน โดย “นินจา” คือคำที่ใช้เรียกพนักงานของเขา ทั้งนี้ ยอดขายของบริษัทในปี 2017 เติบโตขึ้น 9% จากปีก่อนหน้ามาสู่ 13 ล้านเหรียญสหรัฐ และ Lai ชายหนุ่มสิงคโปร์รายนี้ก็ถูกจัดอันดับให้อยู่ในทำเนียบ Forbes 30 Under 20 Asia ในปี 2016

สตาร์ทอัพด้านการขนส่งรายนี้สามารถระดมทุนไปได้แล้ว 140 ล้านเหรียญ จากกลุ่มนักลงทุนซึ่งรวมถึง B Capital และ Grab

“พวกเขาเป็นผู้นำในกลุ่ม last-mile delivery (last-mile delivery คือการขนส่งสินค้าจากร้านค้าสู่ที่อยู่ปลายทางของลูกค้าโดยตรง) เราเชื่อมั่นในพวกเขา เราเชื่อว่าพวกเขาให้บริการที่ดีที่สุดในอัตราการจัดส่งนี้ ทุกความสำเร็จที่เขาได้รับเกิดจากการใช้เทคโนโลยี ซึ่งช่วยเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าได้” Eduardo Saverin ผู้ร่วมก่อตั้ง B Capital ทั้งยังเป็นหนึ่งในกรรมการของบริษัท (และเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Facebook) กล่าว

Lai ร่วมก่อตั้งบริษัทโลจิสติกส์นี้ในปี 2014 หลังจากทำงานในธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า Barclays และมาเปิด Marcella ร้านตัดเสื้อผ้าผู้ชายในสิงคโปร์ ที่ทำให้เขาได้พบกับ Lim Kuo-Yi หุ้นส่วนผู้จัดการของ Monk’s Hill Venture ซึ่ง Lim จำ Lai ได้ระหว่างการมา pitch ขอเงินลงทุนร้านเสื้อของ Lai แต่ที่ทำให้ Lim ทึ่งก็คือการนำเสนอโซลูชั่นในการจัดส่งสินค้าของเขาต่างหาก

และโซลูชั่นนั้นก็กลายมาเป็น Ninja Van ในวันนี้ บนโจทย์ที่พวกเขาวางไว้คือการนำเสนอหนทางที่มีประสิทธิภาพให้กับผู้ประกอบการ SMEs ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้จัดส่งสินค้าของพวกเขาจากการขายผ่านอี–คอมเมิร์ซ ที่กำลังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในภูมิภาคนี้

ข้อมูลจาก Bain, Google และ Temasek ระบุว่า ชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กว่า 150 ล้านคนซื้อและขายของออนไลน์ โดยตัวเลขนี้มากกว่าตัวเลขในปี 2015 ถึง 3 เท่า “สิ่งที่สตาร์ทอัพรายนี้ได้แสดงให้เห็นในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา คือความสามารถในการขยายธุรกิจ 3 เท่าต่อปี” Lim กล่าว

ทั้งนี้ Ninja Van คือหนึ่งในบริษัทผู้ให้บริการโลจิสติกส์ด้วยการส่งสินค้าให้กับธุรกิจอี–คอมเมิร์ซ โดยผู้เล่นรายอื่นๆ ได้แก่ Lalamove, GoGoVan, UrbanFox หรืออย่างในไทยก็คือ Kerry